วันหยุดนี้เขาได้นั่งเครื่องบินกลับมาเยี่ยมแม่ที่บ้าน คิดว่าจะอยู่บ้านเฉยๆเป็นเพื่อนแม่ดูทีวีหรือคุยกันเรื่อยเปื่อย วันรุ่งขึ้นแม่ชวนเขาไปเป็นเพื่อนซื้อไข่ไก่ พอได้ยินเขาอดยิ้มไม่ได้ ที่สำนักงาน เขาคือกรรมการผู้จัดการใหญ่ มีเลขาฯและคนขับรถส่วนตัว แต่เขาก็ยังพยักหน้ารับและตอบว่า “ได้ครับแม่”
พอออกจากบ้าน แม่ก็บอกว่าต้องไปซื้อที่ซุปเปอร์โน้นนะ เขาถามว่า ทำไมไม่ซื้อที่ซุปเปอร์ใกล้บ้านเราเล่า แม่กระพริบตา ทำท่าเหมือน ผู้ชนะ บอกว่า ที่ร้านโน้นไข่ไก่ถูกกว่า ชั่งละสามหยวนสองเอง แต่ที่ร้านนี้ต้องสามหยวนสี่ เขาทำท่าห่อปากแบบว่าโอ๊ะโอ๋ เพิ่งรู้นะเนี่ย พอเดิน มาถึงข้างถนน เขาทำท่าจะโบกมือเรียกรถแท็กซี่ แต่แม่บอกว่า ไปรถเมล์สาย 12 กันเถอะนะ เขาถาม ทำไมต้องสาย 12 ด้วย แม่บอกว่า สาย 12 เป็นรถรับส่งของทางห้างนี้ ไม่ต้องเสียค่ารถ ถ้านั่งรถสายอื่น ต้องเสีย 2 หยวน เขาอดยิ้มไม่ได้ แต่ก็บอกกับแม่ไปว่า "ดีครับ"
พอขึ้นนั่งบนรถสาย 12 ผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นคนสูงอายุ ล้วนแต่สนิทสนมกับคุณแม่ทั้งนั้น พอทราบว่าเขาเป็นเพื่อนแม่มาซื้อไข่ไก่ ต่างมองเขาด้วยสายตาที่อบอุ่น เหมือนกับว่า เขาก็เป็นลูกชายของพวกเขาเหล่านั้นเช่นกัน ส่วนใจของเขาในตอนนั้นรู้สึกอบอุ่นไม่แพ้กัน
หลังจากซื้อไข่ไก่ได้ 10 ชั่ง แม่ดึงให้เขานั่งรอที่เก้าอี้หน้าห้าง บอกว่าต้องรออีก 1 ชั่วโมง รถสาย 12 คันเดิมถึงจะกลับมารับอีก ต้องรออีกตั้ง 1 ชั่วโมง เขารู้สึกหัวใจร้อนรุ่มคุกรุ่นขึ้นมาทันที แต่ก็ข่มใจไว้ใช้ความอดทนข่มจิตให้เย็นลง แม่ก็ชวนเขาคุยไปเรื่อย พูดถึงเรื่องราวตอนที่เขายังไปโรงเรียน เผลอแผล็บเดียว เวลา 1 ชั่วโมงก็ผ่านไปเร็วเหมือนกัน
ในที่สุด ก็ได้นั่งสาย 12 กลับมาบ้าน พอถือไข่ไก่เหล่านั้นลงจากรถได้ เขาเป่าปากระบายอย่างโล่งอก คุณแม่ดูเหมือนจะมีความสุขมาก นับนิ้วให้ฟังว่า ไข่ไก่ 10 ชั่งประหยัดไปได้ 2 หยวน ประหยัดค่ารถไปกลับสองคนอีก 4 หยวน รวมแล้วประหยัดตั้ง 6 หยวน แต่ในสมอง เขากลับคิดคนละอย่าง ตั้งแต่ออกจากบ้านจนถึงตอนนี้ ปาเข้าไป 4 ชั่วโมง หากให้เขาใช้เวลา 4 ชั่วโมงนี้ในที่ทำงาน เขาสามารถทำเงินได้ อีกไม่ต่ำกว่าหมื่นหยวน.. เขาได้แต่แอบถอนใจเบาๆ
ตอนใกล้จะถึงบ้าน เดินผ่านร้านขายผลไม้ร้านหนึ่ง แม่ใช้เงิน 6 หยวนซื้อแตงโมลูกโตลูกหนึ่ง พอกลับถึงบ้าน จัดแจงผ่าแตงโมทันที เนื้อแตงโมแดงสด น่ารับประทานมาก ตัวเขาเองรู้สึกกระหายน้ำตั้งนานแล้ว ก็เลยไม่ฟังอีร้าค่าอีรม หยิบแตงโมได้หนึ่งชิ้นก็งับเลย
แตงโมหวานมาก เขากินแบบตะกรุมตะกราม เหมือนหมูเลย นานแล้วที่ไม่ได้กินผลไม้อย่างฉ่ำใจเช่นนี้ พอเงยหน้า เห็นแม่กำลังมองเขาอยู่ ในตามีแววเปียกชื้น บนหน้ากลับระบายไปด้วยความสุขและเปี่ยมรัก ทันไดนั้น ใจเขาเหมือนเส้นพิณที่ถูกดีดจนสั่นสะท้าน ภาพแบบนี้ เคยเห็นที่ไหนมาก่อนนะ
ตอนยังเล็ก ฐานะทางบ้านยากจน และเขาเป็นเด็กที่ชอบกินมาก(ตะกละ ว่างั้นเถอะ) ตอนเย็นๆ เขามักแอบไปเก็บเอาแตงโมที่บ้านอื่น กินเหลือแต่เปลือก เอามาล้างในคลองแล้วแทะกินอย่างตะกละ (เห็นมั้ย) พอแม่รู้เข้า แม่ใช้เวลา 3 วันเพื่อที่จะทอเส้นเชือกแล้วเอาไปขายเพื่อซื้อแตงโมมาให้เขา แล้วนั่งดูเขากินอย่างเอร็ดอร่อยเหมือนหมู
เขาจ้องดูแม่ด้วยความสะท้าน กลืนแตงโมที่เต็มปากลงไป ทันใดนั้น เขารู้สึกว่าเขาเริ่มเข้าใจคุณแม่บ้างแล้ว ยามยากลำบาก แม่ขยันและ อดออมส่งให้เขาเรียน เลี้ยงดูเขาจนเติบใหญ่ พอเริ่มมีอันจะกิน ความขยันและอดออมได้กลายเป็นรูปแบบดำรงชีวิตของแม่ที่ยังคงทำให้แม่พอใจและมีความสุขอยู่เสมอ
รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของเขา รู้สึกดีใจที่วันนี้ตัวเองยอมทนเป็นเพื่อนแม่ ทำให้แม่ประหยัดเงินได้ 6 หยวน เงิน 6 หยวนนี้ เทียบกับการที่ตัวเองสามารถหาได้เป็นหมื่นหยวนจากการทำงาน คุณค่าไม่ต่างกันเลย
เพราะ บางที.. เวลาและเงินทอง จะมีค่าก็ต่อเมื่อมีรักด้วยเท่านั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น